ประเทศไทยมีการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพ (Health Systems Reform) ต่อเนื่องมาเป็นสิบปีแล้ว หัวใจสำคัญของการปฏิรูประบบสุขภาพ คือ การปรับกระบวนทัศน์เรื่อง สุขภาพใหม่ จากสุขภาพที่เป็นเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วย มดหมอหยูกยา การแพทย์การ สาธารณสุข ไปสู่สุขภาพที่มีความหมายกว้างว่าเป็นเรื่อง “สุขภาวะ” ทางกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ สุขภาพจึงเป็นเรื่องของทุกคน ทุกภาคส่วน เป็นเจ้าของ ร่วมกันมีสิทธิที่จะมีสุขภาพดี และมีหน้าที่ร่วมกันทำให้เกิดสุขภาพ/สุขภาวะที่ดี (All for Health) ระบบโครงสร้างและการจัดการต่างๆ จึงต้องปฏิรูปให้เป็นไปตามกระบวนทัศน์ใหม่ ไม่ใช่การทำงานโดยมีรัฐและคนในแวดวงสาธารณสุขเป็นศูนย์กลางโดยอาศัย การอภิบาล/จัดการอย่างเบ็ดเสร็จเท่านั้น แต่ต้องปลดปล่อย กระจายอำนาจ บทบาทหน้าที่และการอภิบาล/การจัดการออกไปให้ทุกภาคส่วนร่วมเป็นเจ้าของ และร่วมกันทำเพื่อสร้างให้เกิดสุขภาพ/สุขภาวะที่ดี ตามแนวทางการอภิบาลแบบ เครือข่ายมากขึ้น การปฏิรูปประเทศไทย ที่พูดกันหนาหูในวันนี้ ก็ต้องเป็นไปในทำนอง เดียวกัน คือ ต้องปฏิรูปกระบวนทัศน์การพัฒนาประเทศใหม่จากที่เป็นบทบาท หน้าที่รวมศูนย์อยู่ที่รัฐ การเมืองแบบตัวแทน ราชการ และส่วนกลาง ตามแนวทางประชาธิปไตยแบบตัวแทน คิดแทน ทำแทน อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเท่านั้น ไปสู่การทำให้เรื่องการพัฒนาเรื่องบ้านเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ทุกภาคส่วน ต้องได้ร่วมเป็นเจ้าของ ร่วมคิดร่วมทำ ซึ่งเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม การปฏิรูปประเทศไทย จึงต้องปฏิรูประบบ โครงสร้าง และการอภิบาล/การ จัดการสาธารณะทั้งปวง ในทิศทางที่ลดการรวมศูนย์อำนาจของรัฐ ส่วนกลาง กระจาย บทบาทหน้าที่ อำนาจ และทรัพยากรให้ภาคส่วนต่างๆ และพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ได้คิดเอง-ทำเอง และคิดร่วม-ทำร่วม อย่างเป็นรูปธรรม โดยรัฐส่วนกลางทำเฉพาะ เรื่องสำคัญและจำเป็นจริงๆ ที่ยังต้องรวมศูนย์อำนาจกำหนดนโยบายสั่งการ และดำเนินการเท่านั้น เช่น เรื่องความมั่นคง เรื่องการต่างประเทศ เรื่องการจัดการภัยพิบัติ เป็นต้น การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใด ที่เป็นไปอย่างตรงกันข้ามกับทิศทางที่ว่านี้ ไม่ควรเรียกว่าเป็นการปฏิรูปประเทศไทย น่าจะเรียกว่าเป็น “การปฏิลูบ” เสียมากกว่า
ประเทศไทยมีการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพ (Health Systems Reform) ต่อเนื่องมาเป็นสิบปีแล้ว หัวใจสำคัญของการปฏิรูประบบสุขภาพ คือ การปรับกระบวนทัศน์เรื่อง สุขภาพใหม่ จากสุขภาพที่เป็นเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วย มดหมอหยูกยา การแพทย์การ สาธารณสุข ไปสู่สุขภาพที่มีความหมายกว้างว่าเป็นเรื่อง “สุขภาวะ” ทางกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ สุขภาพจึงเป็นเรื่องของทุกคน ทุกภาคส่วน เป็นเจ้าของ ร่วมกันมีสิทธิที่จะมีสุขภาพดี และมีหน้าที่ร่วมกันทำให้เกิดสุขภาพ/สุขภาวะที่ดี (All for Health)
ระบบโครงสร้างและการจัดการต่างๆ จึงต้องปฏิรูปให้เป็นไปตามกระบวนทัศน์ใหม่ ไม่ใช่การทำงานโดยมีรัฐและคนในแวดวงสาธารณสุขเป็นศูนย์กลางโดยอาศัย การอภิบาล/จัดการอย่างเบ็ดเสร็จเท่านั้น แต่ต้องปลดปล่อย กระจายอำนาจ บทบาทหน้าที่และการอภิบาล/การจัดการออกไปให้ทุกภาคส่วนร่วมเป็นเจ้าของ และร่วมกันทำเพื่อสร้างให้เกิดสุขภาพ/สุขภาวะที่ดี ตามแนวทางการอภิบาลแบบ เครือข่ายมากขึ้น
การปฏิรูปประเทศไทย ที่พูดกันหนาหูในวันนี้ ก็ต้องเป็นไปในทำนอง เดียวกัน คือ ต้องปฏิรูปกระบวนทัศน์การพัฒนาประเทศใหม่จากที่เป็นบทบาท หน้าที่รวมศูนย์อยู่ที่รัฐ การเมืองแบบตัวแทน ราชการ และส่วนกลาง ตามแนวทางประชาธิปไตยแบบตัวแทน คิดแทน ทำแทน อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเท่านั้น ไปสู่การทำให้เรื่องการพัฒนาเรื่องบ้านเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ทุกภาคส่วน ต้องได้ร่วมเป็นเจ้าของ ร่วมคิดร่วมทำ ซึ่งเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
การปฏิรูปประเทศไทย จึงต้องปฏิรูประบบ โครงสร้าง และการอภิบาล/การ จัดการสาธารณะทั้งปวง ในทิศทางที่ลดการรวมศูนย์อำนาจของรัฐ ส่วนกลาง กระจาย บทบาทหน้าที่ อำนาจ และทรัพยากรให้ภาคส่วนต่างๆ และพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ได้คิดเอง-ทำเอง และคิดร่วม-ทำร่วม อย่างเป็นรูปธรรม โดยรัฐส่วนกลางทำเฉพาะ เรื่องสำคัญและจำเป็นจริงๆ ที่ยังต้องรวมศูนย์อำนาจกำหนดนโยบายสั่งการ และดำเนินการเท่านั้น เช่น เรื่องความมั่นคง เรื่องการต่างประเทศ เรื่องการจัดการภัยพิบัติ เป็นต้น
การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใด ที่เป็นไปอย่างตรงกันข้ามกับทิศทางที่ว่านี้ ไม่ควรเรียกว่าเป็นการปฏิรูปประเทศไทย น่าจะเรียกว่าเป็น “การปฏิลูบ” เสียมากกว่า